และสารสนเทศ
แนวคิดเกี่ยวกับนวัตกรรม
นวัตกรรม หมายถึง สิ่งที่ทำขึ้นใหม่หรือแปลกจากเดิม เป็นการนำวิธีการใหม่ ๆ มาปฏิบัติหลังจากได้ผ่านการทดลองหรือได้รับการพัฒนามาเป็นขั้นๆแล้ว และสิ่งที่ได้มักนำพาความเปลี่ยนแปลงใหม่เข้ามา ใช้ได้ผลสำเร็จและแผ่กว้างออกไป จนกลายเป็นการปฏิบัติอย่างธรรมดาสามัญ อันรวมถึงการถ่ายทอดไปสู่แนวความคิดใหม่ที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมนวัตกรรม แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 มีการประดิษฐ์คิดค้น (Innovation) หรือเป็นการปรุงแต่งของเก่าให้เหมาะสมกับกาลสมัย
ระยะที่ 3 การนำเอาไปปฏิบัติในสถานการณ์ทั่วไป ซึ่งจัดว่าเป็นนวัตกรรมขั้นสมบูรณ์
กระบวนการของนวัตกรรม
กระบวนการของนวัตกรรมมีดังนี้คือ
1. ขั้นความคิด คือ การนึก คิด แนวทาง หรือกระบวนการแห่งนวัตกรรมนั้นๆขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการบางอย่างของมนุษย์ทั้งในทิศทางบวก และทิศทางลบ
2.ขั้นเสาะแสวงหาโอกาส คือ การใช้โอกาสในวาระต่างๆ นำเอานวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ หรือแนวคิดนั้นๆไปทดลองใช้
3.ขั้นพัฒนา คือ การนำนวัตกรรมที่สร้างขึ้นไปปรับใช้ เปลี่ยนแปลง ให้เกิดภาวการณ์ก้าวข้ามผ่านสิ่งเก่า
4. ขั้นแพร่กระจาย คือ นวัตกรรมนั้นๆได้รับการนำไปใช้ในวงกว้าง อย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นเทคโนโลยีในอนาคต ระยะที่ 3 การนำเอาไปปฏิบัติในสถานการณ์ทั่วไป ซึ่งจัดว่าเป็นนวัตกรรมขั้นสมบูรณ์
กระบวนการของนวัตกรรม กระบวนการของนวัตกรรมมีดังนี้คือ 1. ขั้นความคิด คือ การนึก คิด แนวทาง หรือกระบวนการแห่งนวัตกรรมนั้นๆขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการบางอย่างของมนุษย์ทั้งในทิศทางบวก และทิศทางลบ2.ขั้นเสาะแสวงหาโอกาส คือ การใช้โอกาสในวาระต่างๆ นำเอานวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ หรือแนวคิดนั้นๆไปทดลองใช้3.ขั้นพัฒนา คือ การนำนวัตกรรมที่สร้างขึ้นไปปรับใช้ เปลี่ยนแปลง ให้เกิดภาวการณ์ก้าวข้ามผ่านสิ่งเก่า 4. ขั้นแพร่กระจาย คือ นวัตกรรมนั้นๆได้รับการนำไปใช้ในวงกว้าง อย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นเทคโนโลยีในอนาคตแนวคิดพื้นฐานของนวัตกรรมทางการศึกษาความหมายของนวัตกรรมทางการศึกษา นวัตกรรมทางการศึกษา (Educational Innovation) หมายถึง การนำเอาสิ่งใหม่ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของความคิดหรือการกระทำ รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ก็ตามเข้ามาใช้ในระบบการศึกษา เพื่อมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเกิดแรงจูงใจในการเรียน และช่วยให้ประหยัดเวลาในการเรียน เช่น การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Aids Instruction) การใช้วีดิทัศน์เชิงโต้ตอบ (Interactive Video) สื่อหลายมิติ (Hypermedia) และอินเตอร์เน็ต [Internet]ความหมายของนวัตกรรมการเรียนการสอน
ลักษณะของนวัตกรรม
1. เป็นสิ่งประดิษฐ์หรือวิธีการใหม่
- คิดหรือทำขึ้นใหม่ - เก่าจากที่อื่นพึ่งนำเข้า - คัดแปลงปรับปรุงของเดิม
- เดิมไม่เหมาะแต่ปัจจุบันใช้ได้ดี - สถานณ์การเอื้ออำนวยทำให้เกิดสิ่งใหม่
2. เป็นสิ่งได้รับการตรวจสอบหรือทดลองและพัฒนา
3. นำมาใช้หรือปฏิบัติได้ดี
4. มีการแพร่กระจายออกสู่ชุมชน
ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลอันมีผลทำให้เกิดนวัตกรรม
เกณฑ์การพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นนวัตกรรม
ประเภทของนวัตกรรม
ความแตกต่างระหว่างนวัตกรรมและเทคโนโลยี1. นวัตกรรมเป็นแนวคิด แนวปฏิบัติ หรือการกระทำใหม่ ๆ จะเป็นสิ่งใหม่ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน ก็ได้แต่เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ยอมรับจนกลายเป็นแนวปฏิบัติ2. นวัตกรรมอยู่ในขั้นการเอาไปใช้ในกลุ่มย่อยเพียงบางส่วนไม่แพร่หลายแต่เทคโนโลยีอยู่ในขั้นการนำเอาไปปฏิบัติกันในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นเรื่องธรรมดานวัตกรรมการศึกษา
นวัตกรรมมีความสำคัญต่อการศึกษาหลายประการ ได้แก่1. เพื่อให้ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป2. เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
3. เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาในบางเรื่อง เช่น ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับจำนวนผู้เรียนที่มากขึ้น การพัฒนาหลักสูตร
ให้ทันสมัย การผลิตและพัฒนาสื่อใหม่ ๆ ขึ้นมา
4. เพื่อตอบสนองการเรียนรู้ของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นด้วยระยะเวลาที่สั้นลง5. การใช้นวัตกรรมมาประยุกต์ในระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษาก็มีส่วนช่วยให้การใช้ทรัพยากรการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สาเหตุการเกิดขึ้นของนวัตกรรมการศึกษา
ขอบข่ายนวัตกรรมทางการศึกษา 1. การจัดการเรื่องการสอนด้วยวิธีการใหม่ๆ2. เทคนิควิธีการสอนแบบต่าง ๆ ที่ไม่เคยมีการทำมาก่อน3. การพัฒนาสื่อใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน4. การใช้เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาปรับใช้ในระบบการเรียนการสอนในระบบทางไกลและการเรียนด้วยตัวเอง5. วิธีการในการออกแบบหลักสูตรใหม่ๆ6. การจัดการด้านการวัดผลแบบใหม่
ประเภทของนวัตกรรมการศึกษา
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อนำนวัตกรรมมาใช้ในการศึกษา
แนวคิดหลักของเทคโนโลยี 1. กิจกรรมเทคโนโลยี เป็นกิจกรรมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหา หรือสนองความต้องการของมนุษย์ 2. เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้น ต่างจากสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ ธรรมชาติสร้างต้นไม้ พืช สัตว์ แม่น้ำ มหาสมุทร ภูเขา ส่วนมนุษย์สร้างสิ่งก่อสร้าง เครื่องบิน รถยนต์ เตารีด ตู้เย็น โทรศัพท์ ฯลฯ 3. เทคโนโลยีสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้มนุษย์ทำงานได้ดีขึ้น (better) เร็วขึ้น (faster) และ ค่าใช้จ่ายถูกลง (cheaper) 4. มนุษย์ใช้ความรู้ ความคิด จินตนาการ และทรัพยากรในรูปต่าง ๆ เช่น วัสดุ เครื่องมือ เครื่องจักร ข้อมูล ฯลฯ ในการสร้างเทคโนโลยี 5. เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมีผลกระทบต่อสังคม การนำเทคโนโลยีไปใช้ มีทั้งคุณและโทษ ต่อสังคม ถ้าเลือกผิดและใช้ไม่เหมาะสมอาจเป็นโทษได้ การจัดการเรียนการสอนในสาระการออกแบบและเทคโนโลยี จะช่วยให้นักเรียนได้ฝึกกระบวนการคิดแก้ปัญหา ใช้จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและสามารถสร้างเทคโนโลยีให้ตอบสนองความต้องการของสังคมได้
Technological System ระบบเทคโนโลยี เทคโนโลยี มีองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วน แต่ละส่วนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ประกอบด้วย 1. Input คือ ความต้องการของมนุษย์ (Need หรือ Want) หรือปัญหาที่ต้องการคำตอบ เช่น ความต้องการปัจจัยสี่ ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ยารักษาโรค 2. Technological Process คือขั้นตอนการแก้ปัญหาหรือตอบสนองต่อ Input ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Change) จากทรัพยากร มาเป็น ผลผลิตหรือผลลัพธ์ ข้นตอนของ Technological Process ประกอบด้วย 2.1 การกำหนดปัญหา หรือความต้องการ 2.2 การรวบรวมข้อมูลเพื่อหาวิธีการแก้ปัญหา หรือ สนองความต้องการ 2.3 เลือกวิธีการแก้ปัญหา หรือ สนองความต้องการ 2.4 ออกแบบและปฏิบัติการ 2.5 ทดสอบ ทดลอง 2.6 ปรับปรุงแก้ไข 2.7 ประเมินผล 3. Output or Outcome คือสิ่งที่ออกมาจาก Process ได้สิ่งของเครื่องใช้ หรือวิธีการแก้ปัญหา หรือสนองความต้องการของมนุษย์ 4. Resource ทรัพยากร ประกอบด้วย 4.1 Human 4.2 Data and Informations 4.3 Materials 4.4 Machine and Tools 4.5 Energy 4.6 Capital and Asset 4.7 Time 5. Consideration คือ ข้อจำกัด ข้อพิจารณา หรือสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ที่จะทำให้ระบบทำงานได้มากหรือน้อยต่างกัน อาจเกี่ยวข้องกับทรัพยากรทางเทคโนโลยี ทรัพยากรจะเป็นทั้งตัวทรัพยากร และ เป็นปัจจัย ที่เอื้อ หรือ ขัดขวาง ต่อเทคโนโลยี เช่น ทุนน้อย เวลาจำกัด ข้อจำกัดของความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละบุคคล
แนวคิดหลักทางเทคโนโลยีแนวคิดที่ 1 เน้นสื่อ (สื่อ+อุปกรณ์)
เป็นแนวคิดที่นำผลผลิตทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม ที่มีทั้งวัสดุสิ้นเปลือง (Software) และอุปกรณ์ที่คงทนถาวร (Hardware) แนวคิดนี้เชื่อว่า การเรียนรู้เกิดจากการฟังด้วยหู และชมด้วยตา สิ่งที่เกิดขึ้นจากการเน้นสื่อถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของครู นักเรียนซึ่งถือได้ว ่ าเป็นตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์กายภาพ (Physical Science Concept) ตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้น อาทิเช่น เครื่องฉายภาพข้ามศรีษะ เครื่องรับโทรทัศน์ ภาพยนตร์ คอมพิวเตอร์ และรายการอื่นๆ ที่อยู่ในรูปของอุปกรณ์ (Hardware) และวัสดุ (Software)
เป็นแนวคิดที่ประยุกต์หลักการทางจิตวิทยา สังคมวิทยา มานุษย์วิทยา และผลผลิตทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ เน้นวิธีการจัดระบบ (System Approach) ที่ใช้ในการออกแบบ การวางแผน ดำเนินการตามแผน และประเมินกระบวนการทั้งหมดของการเรียนการสอน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่วางไว้อย่างเฉพาะเจาะจง ด้วยการใช้ผลการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้ของมนุษย์ การสื่อสาร เป็นพื้นฐานการดำเนินงาน ซึ่งถือได้ว ่ าเป็นตามแนวคิดทางพฤติกรรมศาสตร์(Behavioral Science)เป็นแนวคิดที่ประยุกต์หลักการทางจิตวิทยา สังคมวิทยา มานุษย์วิทยา และผลผลิตทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ เน้นวิธีการจัดระบบ (System Approach) ที่ใช้ในการออกแบบ การวางแผน ดำเนินการตามแผน และประเมินกระบวนการทั้งหมดของการเรียนการสอน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่วางไว้อย่างเฉพาะเจาะจง ด้วยการใช้ผลการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้ของมนุษย์ การสื่อสาร เป็นพื้นฐานการดำเนินงาน ซึ่งถือได้ว ่ าเป็นตามแนวคิดทางพฤติกรรมศาสตร์(Behavioral Science)
แนวคิดเกี่ยวกับระบบสารสนเทศข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ หรือข้อมูลดิบที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล ยังไม่มีความหมายในการนำไปใช้ ข้อมูลอาจเป็นตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง หรือภาพเคลื่อนไหวสารสนเทศ (Information) หมายถึง สิ่งที่ได้จากการประมวลผลข้อมูลและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผน การตัดสินใจ และการคาดการณ์ในอนาคตได้ สารสนเทศอาจแสดงในรูปของข้อความ ตาราง แผนภูมิหรือรูปภาพความรู้ (knowledge) คือ การรับรู้และความเข้าใจสารสนเทศจนถึงระดับที่สามารถวิเคราะห์ และสังเคราะห์ได้ คือมีความเข้าใจ ในองค์ประกอบต่าง ๆ จนอาจสร้างเป็นทฤษฎี หรือเป็นแบบจำลองทางความคิด และสามารถนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาในการดำเนินงานได้ ระบบสารสนเทศ (Information System) เป็นการนำองค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์กันของระบบมาใช้ในการรวบรวม บันทึก ประมวลผล และแจกจ่ายสารสนเทศเพื่อใช้ในการวางแผน ควบคุม จัดการและสนับสนุนการตัดสินใจ
โครงสร้างของระบบสารสนเทศ มีโครงสร้างคล้ายรูปพีระมิด1. ระดับล่าง (Transaction Processing) การนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ประมวลผลข้อมูลรายการ ต่าง ๆ2. ระดับที่สอง (Operation Control) การใช้คอมพิวเตอร์จัดทำสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับล่าง3. ระดับที่สาม (Management Control) การใช้คอมพิวเตอร์จัดทำสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร ระดับกลาง4. ระดับที่สี่ (Strategic Planning) การใช้คอมพิวเตอร์จัดทำสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง
ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ สารสนเทศในองค์การประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้1. ข้อมูลนำเข้า (Input) ข้อมูลต่าง ๆ ที่นำเข้าสู่ระบบ เพื่อประมวลผลในระบบ2. ส่วนกระบวนการ (Processing) ใช้ในการคำนวณ หรือประมวลผลงานต่าง ๆ โดยการแปรสภาพ ข้อมูล3. รายงานที่ได้ (Output) เป็นผลลัพธ์หรือสิ่งที่ต้องการจากระบบซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของระบบ เพื่อใช้ในการตัดสินใจ4. ส่วนป้อนกลับ (Feedback) เป็นการนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของผลลัพธ์ย้อนกลับเข้าสู่ระบบอีกครั้ง
ข้อมูล และสารสนเทศข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีอยู่ในธรรมชาติที่ใช้แทนตัวเลข ภาษา หรือสัญลักษณ์ มี 3 ประเภท
กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูล1. การเก็บข้อมูล (Data Acquisition) เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเก็บข้อมูลดิบมาใช้2. การบันทึกข้อมูล (Data Entry) เป็นกิจกรรมที่นำข้อมูลที่ได้เก็บมาแล้วบันทึกลงสู่เครื่อง คอมพิวเตอร์3. การตรวจสอบความถูกต้อง (Data Edit) เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้บันทึก ลงเครื่องคอมพิวเตอร์4. การจัดแฟ้มข้อมูล (File Organization) เป็นการจัดแฟ้มข้อมูลในคอมพิวเตอร์ให้สามารถ ค้นหาข้อมูลได้อย่างสะดวก5. การประมวลผล (Data Processing) ข้อมูลที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกประมวลผล ตามความต้องการของผู้ใช้6. การสอบถามและค้นคืนข้อมูล (Data Query and Data Retrieval) เป็นการค้นหาตามความ ต้องการของผู้ใช้7. การปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน (Update) เป็นการกระทำกับข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน8. การจัดทำรายงาน (Reporting) การจัดทำรายงานเพื่อส่งให้ผู้ใช้หรือผู้บริหาร9. การสำเนาข้อมูล (Duplication) การพิมพ์รายงานออกเป็นหลาย ๆ ชุด เพื่อส่งไปหน่วยอื่น ๆ10. การสำรองข้อมูล (Backup) การสำเนาแฟ้มข้อมูลทั้งหมดลงในสื่อบันทึกข้อมูล11. การกู้ข้อมูล (Data Recovery) กระบวนการที่เรียกคืนข้อมูลที่เสียหายหรือถูกทำลายกลับมา12. การสื่อสารข้อมูล (Data Communication) เกี่ยวกับการรับส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง13. การบีบอัดข้อมูล (Data Compression) เป็นวิธีการลดขนาดของข้อมูล เพื่อประหยัดเวลาในการ ส่งข้อมูล14. การทำลายข้อมูล (Data Scraping) เป็นการกำจัดข้อมูลที่ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้
ความสำคัญ และหน้าที่ของระบบสารสนเทศ1. การจัดเก็บ การบันทึก และประมวลผลข้อมูล (Data Collection, Data Entry Data Processing)2. การจัดการฐานข้อมูล (Database Management)3. การจัดทำรายงาน (Reporting)4. การสอบถามข้อมูล (Inquiry)5. การช่วยสนับสนุนในการตัดสินใจ (Decision Support)
ปัจจัยในการนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการประมวลผล1. ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น2. ความถูกต้องของสารสนเทศ3. ความรวดเร็ว4. ประหยัดค่าใช้จ่าย
การจัดแบ่งสารสนเทศ1. จัดแบ่งตามวิธีการได้มาของสารสนเทศ1.1 สารสนเทศแบบเป็นทางการ มีวิธีการและแบบแผน อาจอยู่ในรูปแบบฟอร์มขององค์การ รายงานต่าง ๆ1.2 สารสนเทศแบบไม่เป็นทางการ ไม่มีวิธีการและแบบแผน อาจอยู่ในลักษณะความคิดเห็น การวิจารณ์2. จัดแบ่งตามแหล่งที่ได้มาของสารสนเทศ2.1 สารสนเทศจากสภาพแวดล้อมภายนอก เป็นข้อมูลสารสนเทศจากภายนอกองค์การ อาจมีผลต่อองค์การ2.2 สารสนเทศจากสภาพแวดล้อมภายใน เป็นข้อมูลสารสนเทศจากภายในองค์การ3. จัดแบ่งตามหน้าที่และกิจกรรมในองค์กร เป็นสารสนเทศที่จัดแบ่งตามหน้าที่ในการทำงาน เช่น สารสนเทศเกี่ยวกับการผลิต การควบคุมสินค้าคงคลัง3.1. ระบบย่อยที่แยกตามหน้าที่ภายในองค์การ เป็นกิจกรรมของหน่วยในองค์การ3.2.. ระบบย่อยที่แยกตามกิจกรรม เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในหน่วยขององค์การ
4.1 สารสนเทศที่เป็นประวัติศาสตร์ เป็นสารสนเทศที่เกิดขึ้นในอดีต และมีผลกระทบมาจนถึงปัจจุบัน
4.2. สารสนเทศเพื่อการวางแผน เป็นสารสนเทศที่สามารถคาดการณ์ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พยากรณ์ได้
4.3. สารสนเทศเพื่อการควบคุม เป็นสารสนเทศที่แสดงถึงสิ่งที่กำลังดำเนินงานอยู่ ให้ดำเนินไปตามแผนงาน
5. จัดแบ่งตามวิธีการประมวลผลที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
5.1. การประมวลผลแบบกลุ่มก้อน (Batch Processing System) เป็นการประมวลผลที่รวบรวมข้อมูลเป็นชุด แล้วนำมาประมวลผลเป็นครั้งคราว เป็นระยะเวลา
5.2. การประมวลผลแบบโต้ตอบ (Interactive) เป็นการประมวลผลที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกัน ระหว่างคนกับเครื่อง คอมพิวเตอร์ เช่น การออกบิลลูกค้า
5.3. การประมวลผลแบบทันที (On Line Processing System) เป็นการประมวลผลที่กระทำ ทันทีที่ได้รับข้อมูลมา ใช้กับงานที่มีรายการข้อมูลไม่แน่นอน เช่น การถอนเงินจากตู้ ATM
4. จัดแบ่งตามกรอบของเวลา